วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

ใบของต้นกระบองเพชร...อยู่ไหน ?

ใบของต้นกระบองเพชร...อยู่ไหน ?

กระบองเพชร ดูเหมือนจะเป็นต้นไม้ที่มีรูปร่างแปลกตาไปจากต้นไม้ที่เราเห็นกันทั่วไป ที่มีลำต้นสูงใหญ่และมีใบปกคลุมเต็มต้นโดยกระบองเพชรส่วนใหญ่มีลำต้นเตี้ยและอวบน้ำ มีหนามรอบต้น

กระบอกเพชรมีใบหรือ เปล่า?กระบองเพชร เป็นไม้ดอกไม้ประดับที่เราพบได้ทั่วไป ทั้งบนโต๊ะทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือในกระถางหน้าบ้าน กระบองเพชรส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดที่ทวีปอเมริกา โดยต้นกระบองเพชรที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ ต้นโบตั๋น บางคนอาจรู้จักกระบองเพชรในอีกชื่อหนึ่ง นั่นคือ แคคตัส (cactus) คำว่า "แคคตัส" เป็นภาษากรีกแปลว่า "ต้นไม้ที่มีหนาม" ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของต้นกระบองเพชร หากเราสังเกตต้นกระบองเพชรจะเห็นได้ว่า บนต้นกระบองเพชรไม่มีใบ แต่มีหนามขึ้นมาเต็มต้นแทน แท้จริงแล้วใบของต้นกระบองเพชรได้วิวัฒนาการลดรูปเปลี่ยนแปลงไปเป็นหนามตามที่เราเห็นอยู่รอบต้นนั่นเอง

ทำไมต้นกระบองเพชร ต้องเปลี่ยนใบเป็นหนาม?ต้นตระกูลเดิมของต้นกระบองเพชร มีตั้งแต่ช่วงปลายยุคมีโซโซอิก (Mesozoic Era) และช่วงต้นของยุคเทอเชียรี (Tertiary Period) โดยยังคงมีลักษณะเหมือนพืชอื่นที่มีใบที่แท้จริง แต่เนื่องจากต้องเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งตลอดเวลา รวมทั้งปริมาณน้ำฝนที่ลดลง ต้นกระบองเพชรจึงมีวิวัฒนาการลดรูปใบไปเป็นหนามเพื่อให้สามารถต้านทานสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้

การเปลี่ยนใบเป็นหนามช่วยให้กระบอกเพชรอยู่ในสภาพแห้งแล้งได้อย่างไร?ลองนึกดูว่าปกติแล้วใบของพืชทำหน้าที่อะไร หน้าที่ของใบพืช คือ สังเคราะห์ด้วยแสง และแลกเปลี่ยนแก๊ส รวมไปถึง การคายน้ำ (transpiration) พืชมีการคายน้ำในรูปของไอน้ำผ่านทาง ปากใบ (stomata) หากเรานำผิวใบไปส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ก็จะเห็นเซลล์รูปร่างคล้ายกับเมล็ด ถั่วอยู่เป็นคู่ๆ แต่ละเซลล์เรียกว่า เซลล์คุม (guard cell) และมีช่องเล็กๆ อยู่ ระหว่างเซลล์คุม ที่เรียกว่า ปากใบ น้ำจากเซลล์ที่อยู่รอบช่องว่างใกล้กับปากใบ จะระเหยเป็นไอน้ำ และอยู่ภายในช่องว่าง จากนั้นไอน้ำจะเคลื่อนที่ผ่านปากใบสู่บรรยากาศภายนอก พืชจำเป็นต้องมีการคายน้ำเพื่อช่วยในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารจากสารละลาย ในดินผ่านเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำจากรากสู่ใบโดยอาศัยแรงดึงของน้ำ เพื่อลดอุณหภูมิของใบ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลต่อการคายน้ำ คือ ความชื้นในบรรยากาศ เมื่ออากาศร้อน และความชื้นในบรรยากาศต่ำ พืชจะมีอัตราการคายน้ำสูง ดังนั้น กระบองเพชรซึ่งมีถิ่นอาศัยส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่แห้งแล้งเช่นในทะเลทราย จึงจำเป็นต้องลดอัตราการคายน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียน้ำมากเกินไปด้วยการวิวัฒนาการลดรูปใบเปลี่ยนเป็นหนามนอกจากนี้แล้ว หนามของต้นกระบองเพชรยังมีประโยชน์ด้านอื่นอีกด้วย โดยหนามแหลมจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันตัวจากสัตว์ที่จะมากัดกินเพื่อหาน้ำดื่ม ซึ่งทำหน้าที่เช่นเดียวกับหนามของต้นกุหลาบและต้นเฟื่องฟ้าที่มีเพื่อป้องกันอันตราย แต่หนามของต้นกุหลาบและเฟื่องฟ้าเป็นส่วนที่เปลี่ยนแปลงมาจากส่วนของลำต้น



นอกจากใบ มีส่วนอื่นที่เปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่?ไม่มีเพียงแต่ลักษณะใบที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ส่วนอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ในสภาพร้อนแห้งแล้งได้ดี เมื่อลองสังเกตลักษณะลำต้นของต้นกระบองเพชร จะเห็นได้ว่ามีลักษณะอวบอ้วนและเตี้ย นั่นก็เพื่อช่วยให้สามารถสะสมน้ำจำนวนมากไว้ที่ลำต้นได้ เนื่องจากบริเวณที่ต้นกระบองเพชรเติบโตมีน้ำน้อยฝนตกไม่บ่อย นอกจากนี้ ถ้าสังเกตบริเวณผิวลำต้นจะพบว่า มีลักษณะ เป็นขี้ผึ้งเคลือบอยู่ ก็เพื่อช่วยลดการคายน้ำเช่นกันพืชบางชนิดที่เจริญในที่แห้งแล้งเช่นเดียวกับต้นกระบองเพชร แต่ไม่มีการลดรูปใบเป็นหนาม ก็อาจมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงใบให้มีลักษณะอวบน้ำ เพื่อเก็บสะสมน้ำแทน เช่น ใบว่าน และ ต้นหางจระเข้

ทำไมกระบองเพชรจึง มีลำต้นสีเขียว?ทำไมต้นกระบองเพชรจึงไม่มีสีน้ำตาลเหมือนต้นไม้อื่นๆ การที่ลำต้นมีสีเขียวแสดงว่า ต้นกระบองเพชรมีไว้เพื่อทำหน้าที่อะไรบางอย่าง ลองเปรียบเทียบกับส่วนอื่นของพืชที่มีสีเขียวเหมือนกันนั่นคือ"ใบ" ภายในใบจะมีส่วนประกอบที่เรียกว่า คลอโรพลาสต์ (chloroplast) อยู่ภายในเซลล์ ซึ่งภายในคลอโรพลาสต์มีรงควัตถุสีเขียว เรียกว่า คลอโรฟีลล์ (chlorophyll) โดยคลอโรพลาสต์ในใบมีหน้าที่ในการสังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อสร้างอาหารหรือน้ำตาล ที่เป็นแหล่งพลังงานให้แก่พืชในการดำรงชีวิตสีเขียว ที่เราเห็นที่ลำต้นของกระบองเพชรก็มาจากเซลล์ที่มีคลอโรพลาสต์ เนื่องจากต้นกระบองเพชรไม่มีใบที่จะทำหน้าที่ในการสังเคราะห์ด้วยแสงจึงต้องอาศัยลำต้นที่มีสีเขียว ขนาดขยายใหญ่ ช่วยในการสังเคราะห์ด้วยแสงเพื่อสร้างอาหารแทนนอกจากใบ ลำต้น ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ลักษณะรากของต้นกระบองเพชรยังมีการปรับให้เหมาะกับบริเวณที่มีน้ำน้อย และฝนตกไม่บ่อยด้วย โดยรากของกระบองเพชรจะมีลักษณะแพร่กระจายไปกว้าง เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดน้ำ และจะอยู่บริเวณผิวดิน



ดอกและผลของต้น กระบอกเพชรเป็นอย่างไร?ดอกของต้นกระบองเพชรส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ โดยเจริญมาจากบริเวณเดียวกับบริเวณที่มีหนาม และจะบานในเวลากลางคืน โดยมีแมลงและสัตว์ขนาดเล็ก โดยเฉพาะผีเสื้อกลางคืน และค้างคาว ช่วยในการผสมละอองเรณู

หากกล่าวถึงผลของต้นกระบองเพชร คงมีน้อยคนที่จะนึกออกว่ามีรูปร่างลักษณะอย่างไร แต่หากพูดถึง ผลแก้วมังกร ซึ่งเป็นผลของต้นกระบองเพชรชนิดหนึ่ง ทุกคนคงนึกออก คือมีเปลือกสี ชมพูเข้ม ลักษณะเนื้อมีทั้งสีขาและสีชมพู และมีเมล็ดสีดำอยู่ภายใน การขยายพันธุ์ต้นกระบองเพชร สามารถใช้วิธีเพาะเมล็ด วิธีการตัดแยก หรือวิธีการต่อยอดก็ได้

สรุปก็คือ ใบของต้นกระบองเพชรที่หายไปจริงๆ แล้วลดรูปไปเป็นหนาม เพื่อลดอัตราการคายน้ำ และส่วนต่างๆ ของพืชเองก็สามารถวิวัฒนาการไปเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม จะเห็นได้ว่า ทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ล้วนมีเหตุผลและหน้าที่ทั้งนั้น นี่แหละความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ทุกอย่างล้วนเป็นเหตุและผลกัน...

ขอขอบคุณข้อมูลจาก My firstbrain
www.teenee.com
"ชาวนา" อาชีพที่วัยรุ่นไทยไม่อยากจะเป็น


หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ลงเรื่องวัยรุ่น กับอาชีพชาวนาของไทย เมื่อ 4 มิ.ย. 55  
http://www.nytimes.com/2012/06/05/world/asia/thai-youth-seek-a-fortune-off-the-farm.html?_r=2&pagewanted=1&hp 

ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ นำมาแปลและเรียบเรียงใหม่ 
http://www.doctorwe.com/variety/20120606/1591

คัดมาให้อ่านบางส่วนนะจ๊ะ ฉบับเต็มตามลิงก์ข้างต้น  ^^




ก่อนอื่นขอแปลชื่อเรื่อง ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านง่าย ๆ ก่อน..

ชื่อเรื่องแปลตามความว่า  “ชาวนา  อาชีพที่..วัยรุ่นไทย….ไม่อยากจะเป็น”

เนื้อเรื่องกล่าวถึง  น้องมาลินี คำมอญ  เธอมีอายุเพียง 18 ปี

ใช่แล้ว… เธอยังเป็นวัยรุ่น  อาศัยอยู่ที่บ้านคลองคู  ที่จังหวัดพิษณุโลก

เธออาศัยอยู่ในบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับผืนนา…ที่บ้านเธอเป็นเจ้าของ

แต่ที่น่าแปลกคือ  มาลีนี…. ไม่เคยปลูกข้าวเลย..แม้แต่เม็ดเดียว  ตั้งแต่เกิดมา

“มันร้อน มันเหนื่อยมาก ฉันไม่ชอบจริง ๆ”  เป็นคำพูดของมาลินี

“ฉันไม่ชอบโดน….. แดด”  มาลีนีพูดต่อ… ขณะที่กำลังเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ 


ในอดีต..  ชาวนาไทยหนุ่มสาว….ต้องทนลำบากในการปลูกข้าว

และต้องยืนเป็นชั่วโมง ๆ  ท่ามกลางแสงแดด….อันร้อนแรง

แต่ทุกวันนี้…  มีแต่คนแก่ ๆ หรือ แรงงานต่างชาติ เท่านั้น  ที่ยังทำ…แบบนั้นอยู่ 


ทุกวันนี้.. ด้วยระบบการศึกษาที่ดีขึ้น รวมถึงโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น

วัยรุ่นไทย จึงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียน หรือโรงเรียนกวดวิชา มากขึ้น

เพื่อมุ่งไปสู่อาชีพ…และอนาคตที่ดีกว่า

รวมไปถึงโอกาสที่จะได้ทำงาน.. ในห้องที่ติดแอร์

ที่ไม่ต้องร้อน….  เหมือนการยืนตากแดดทำนา..ทั้งวัน

“สิ่งที่พวกวัยรุ่นอยากทำมากที่สุดก็คือ คุยกับเพื่อนทาง…โทรศัพท์มือถือ”

เป็นคำพูดของสุดารัตน์ คำมอญ ชาวนา อายุ 33 ปี

ซึ่งเธอเป็น…………………………  ชาวนาอายุน้อยที่สุดของบ้านคลองคู 


ในปี 2528  พบว่า  หนุ่มสาวที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี จะทำอาชีพทำนา คิดเป็น 35 %

ทุกวันนี้    หนุ่มสาวที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี ที่ทำนาเป็นอาชีพ เหลือเพียง 12 % เท่านั้น

คิดง่าย ๆ ก็คือ  ถ้าจากเดิมมี 3 คน..ทำนา  เวลานี้ก็เหลือแค่….คนเดียว เท่านั้น…ที่ยังทำนาอยู่

ที่หนักหนากว่านั้นคือ ……………………………………..

ในปี 2528   พบว่าอายุเฉลี่ยชาวนาที่ยังทำนาอยู่ อยู่ที่  31 ปี

ซึ่งแสดงว่า  คนส่วนใหญ่ที่ทำนา…ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว…..วัยทำงาน

พอถึงปี 2553  พบว่าตัวเลขอายุเฉลี่ยพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไปเป็น 42 ปี

ซึ่งพอสรุปได้ว่า………………………………………………

ทุกวันนี้….  และจากนี้ไป….    คงจะมีแต่ “คนแก่” เท่านั้น…………. ที่จะทำนา 


ในขณะที่วัยรุ่นไทย…กำลังหลีกหนี การเป็น “กระดูกสันหลัง” ของชาติ

หรือการคิดว่า..ให้เป็นอะไรก็ได้  ยกเว้นเป็น…ชาวนา

อาจารย์เอี่ยม ทองดี อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล  เล่าให้ฟังว่า….

“องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ..การปลูกข้าว  ก็ค่อย ๆ จางหายลงไปทุกวัน

พร้อม ๆ กับประเพณี…ลงแขก ที่เพื่อนบ้านจะช่วยกันเกี่ยวข้าว”

อาจารย์เอี่ยม ยังให้แง่มุมในการเป็น “ชาวนา”  ที่ฟังแล้ว….สะเทือนใจ อีกว่า

บรรดาลูกหลานชาวนาไทย มักจะมีความเชื่อว่า………………………..

ชีวิตในเมือง…จะสะดวก..สบายกว่า ในชนบท

และเป็น “ชาวนา” นั้นมันดูเหมือนจะเป็น….. คนจน…… คนโง่…..  คนอ่อนแอ

ชีวิตชาวนามันลำบาก จนบางคนถึงกับบอกว่า

“ถ้ามีโอกาสเกิดใหม่ซัก 10 ครั้ง…………………………

ก็..ขออย่าให้มีชาติไหน ต้องเกิดมาเป็น…. ชาวนา อีกเลย” 


บุญมี คำมอญ  พ่อของ มาลินี  วัยรุ่นสาว…ที่ไม่อยากเป็นชาวนา

พูดเกี่ยวกับลูกสาวของเขาว่า “ เธอ..อยู่ในโลกของเธอ”

“เธอ…ไม่สนใจที่จะเป็น..ชาวนา  ผมเอง…พยายามบังคับเธอแล้ว  แต่มันยากจริง ๆ”

มาลินีเล่าให้ฟังถึงเพื่อน ๆ ของเธอว่า

“บรรดาลูกหลานชาวนาหลายคนก็ไม่อยากเป็น…….. ชาวนา

พวกเขาอยากเป็นหมอ.. เป็นเภสัชกร.. เป็นวิศวกร” 


ส่วนมาลินี..เอง      เธอคิดว่า โตขึ้น..เธออยากเป็นครู

เพื่อน ๆ ของมาลินี กล่าวถึงมาลินีว่า…

เธอค่อนข้างอาย..ที่จะบอกว่าพ่อแม่เป็นชาวนา

และสิ่งที่ทำให้มาลินีไม่อยากเป็น “ชาวนา” มากที่สุด ก็คือ

“เธอไม่อยาก…………………………  ตัวดำ” 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ก.ย. 12, 13:11 น โดย noojidsai »noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้    บันทึกการเข้าhttp://webboard.campus.sanook.com/forum/?topic=3646411

ทำนายรักแม่นๆจากตัวเลข

หลายคนอาจมีข้อสังสัยเกี่ยวกับความรักต่างๆนานา ถ้าอยากรู้ว่าความรักของคุณเป็นเช่นไร ลองมาทำแบบทดสอบความรักกันเถอะ...ก่อนทำต้องคิดถึงคนที่เรารัก หรือ ชอบ หลับตาแล้วใช้ดินสอขีดเป็นเส้นสั้น ๆ จนกว่าจะพอใจ (อย่านับจำนวนในขณะที่ขีด ให้คนอื่นช่วยขีดแล้วเราบอกหยุดจะแม่นกว่า) จำนวน 3 ครั้งด้วยกัน นับให้ได้ 3 แล้วตัดออก เหลือเศษแล้วนำมาต่อกัยทั้ง 3 ครั้ง

เรียงจากครั้งแรกก่อนไม่เหลือเศษได้เท่ากับ 0 ตัวอย่าง เช่น

ครั้งที่ 1 lll lll lll lll lll lll lll lll l เศษที่ได้เท่ากับ 1

ครังที่ 2 lll lll lll lll ll เศษที่ได้เท่ากับ 2

ครั้งที่ 3 lll lll lll lll lll lll lll lll lll lll lll lll เศษที่ได้เท่ากับ 0

ดังนั้นผลลัพธ์จึงเท่ากับ 120

เริ่มทำนาย

000 – เขาอยากพูดกับคุณ
100 – ชื่นอกชื่นใจเวลาอยู่ใกล้คุณ
200 – เขาสิ้นหวังสาเหตุมาจากคุณ

001 – เขารักคุณมากนะ
101 – น่าอิจฉาเหลือเกิน
201 – เขาฝันถึงคุณแน่ะ

002 – เขาจำเป็นต้องจากคุณไป
102 – เขาทำให้คุณทุกข์ใจ
202 – คุณคิดยังไงกับเขากันแน่

010 – เขาคอยคุณเสมอ
110 – เสียใจด้วยนะเขารักคนอื่น
210 – เขารักและบูชาคุณ

011 – ตอนนี้เขากำลังโกรธอยู่
111 – เขารักกริยาท่าทางของคุณ
211 – เขาไม่สบายใจเพราะคุณ

012 – เขารู้สึกอิจฉาคุณอยู่นะ
112 – เขาอยากพบคุณมาก
212 – เขาจะกลับมาหาคุณอีก

020 – เขากำลังกลุ้มใจที่คุณทำเฉย ๆ
120 – เขาไปจากคุณเสียแล้ว
220 – เขารักและจริงจังกับคุณแค่ผิวเผิน

021 – เขาสิ้นหวังในตัวคุณ
121 – เขาคิดถึงคุณ
221 – เขาหลอกคุณ

022 – เขารักคุณแต่ไม่กล้าแสดงออก
122 – เขาเกลียดคุณ
222 – เขาอยากบอกรักคุณแต่ไม่กล้าบอก

จากsanook.com

10 อันดับของคำที่มักออกเสียงผิดบ่อยๆ


คุณเคยบ้างมั้ยที่พยายามออกเสียงคำไหนแต่ไม่เคยออกเสียงได้ถูกต้องซักที? ศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำเป็นที่ยอมรับว่าออกเสียงได้ยากมาก ตัวอย่างคำศัพท์ต่อไปนี้เป็นที่ขึ้นชื่อว่าออกเสียงยากที่สุด

clothes

อักษร e ไม่ออกเสียง

February

คุณต้องออกเสียงอักษรrทั้งสองตัว: เฟ็บ-รู-อา-หรี่ ไม่ใช่ เฟ็บ-ยู-อา-หรี่

athlete

คำนี้มีแค่สองพยางค์เท่านั้น: แอ๊ธ-หลีท ไม่ใช่ แอ๊ธ-อะ-หลีท

probably

คำนี้ต้องออกเสียงสามพยางค์: พร้อบ-อะ-บลี่ ไม่ใช่ พร้า-หลี่ หรือ พร้อบ-บลี่

colleague

อย่าออกเสียงue

espresso

คำนี้ไม่มีเสียงxเอ้ส-เพร้ส-โส่ ไม่ใช่ เอ๊กซ-เพร้ส-โส่

Wednesday

อักษรdไม่ออกเสียง

escape

คำนี้ไม่มีเสียงอักษรx : เอ่ส-เค้พ ไม่ใช่ เอ๊กซ-เข่พ

library

คำนี้ต้องออกเสียงอักษร rทั้งสองครั้ง: ไล้-แบร่-หรี่ไม่ใช่ ไล้-แบ-หรี่

picture

นี่เป็นคำที่ออกเสียงกันผิดบ่อยที่สุด ที่ถูกต้องควรอ่านว่าพิก-เจ่อร์ ไม่ใช่ พิด-เจ่อร์
ขอบคุณข้อมูลจากmsn thailand http://englishtown.msn.co.th/community/channels/article.aspx?articleName=1&Otag=O00313

9 อาหารใกล้ตัวรับรอง กินแล้วสวย


 (Lisa)ขอบคุรข้อมูลจาก www.kapook.com

          อยากสวยต้องเริ่มจากภายใน และอะไรจะช่วยคุณได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่อาหาร มาดูกันว่า อาหารอะไรบ้างที่จะทำให้คุณสวย

 1.เม็ดเก๋ากี้

          มีชื่อกิ๊บเก๋ว่า "โกจิเบอร์รี่" ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่มีสารอาหารเต็มเปี่ยมมากที่สุดที่คุณจะได้กิน เจ้าเม็ดเหล่านี้ มีกรดไขมันจำเป็น สารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ วิตามินบี และกรดอะมิโน ซึ่งไม่เพียงช่วยเรื่องผิวเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอื่น ๆ อีกด้วย

อะโวคาโด มะกอก

 2.อะโวคาโด และมะกอก

          อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวโมเลกุลเดี่ยวจะช่วยให้ผิวของคุณเยาว์วัยและเต่งตึงขึ้น เช่น มะกอก อะโวคาโด และบัควีต ซึ่งอย่างหลังยังมีฟลาวานอยด์ชื่อ Rutin ที่จะช่วยให้ผิวยืดหยุ่นอีกด้วย

 3.กิมจิและโยเกิร์ต

          อาหารตองตามธรรมชาติเหล่านี้จะมีโปรไบโอติกส์อยู่มาก ซึ่งจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของคุณแข็งแรง และระบบขับถ่ายที่แข็งแรงจะช่วยดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นและทิ้งกากกับสารพิษที่คุณไม่ใช้ออกไป อย่างไรก็ดี ควรจำไว้ว่า โปรไบโอติกส์จะตาย หากผ่านความร้อนสูง หรือการบรรจุกระป๋อง

 4.แตงกวา

          เห็นอย่างนี้แต่แตงกวาก็เต็มไปด้วยแร่ธาตุซิลิกา ที่ช่วยให้เส้นผมและเล็บของคุณแข็งแรง

สาหร่าย

 5.สาหร่าย

          สาหร่ายมีทั้งไอโอดีนและกรดอะมิโน ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อเส้นผมที่งดงาม

 6.ขิง

          เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยขิงมีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบ และใต้ตาบวมที่เกิดจากการนอนไม่พอได้

 7.คะน้า หัวหอม และกระเทียม

          เพราะซัลเฟอร์คือหนึ่งในสารที่ช่วยเพิ่มความสวยของคุณ โดยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและทำให้ผิวเปล่งประกาย พร้อมกับช่วยล้างพิษในตับและผิวหนัง และสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันใหม่ นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจำพวกฟลาวานอยด์ชื่อ Quercetin ที่ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระอีกด้วย

หอยแครง

 8.หอยแครงและหอยแมลงภู่

          สังกะสีในหอยเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการซ่อมแซม และการสร้างใหม่ของผิวหนัง

 9.แครอท และผักใบเขียว

          การกินอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงจะทำให้คุณสวย (และแข็งแรง) มันช่วยขับสีผิวของคุณให้เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในสาว ๆ ที่มักจะบ่นว่าตัวเองผิวซีด

 ระวังให้ดี

          ถ้าอยากสวยต้องเลี่ยงอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง อย่างเช่น แป้งขัดสี น้ำตาขัดขาว เค้ก ขนมปัง ฯลฯ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก



วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

เกร็ดน่ารู้ของกาแฟ ... ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน


เกร็ดน่ารู้ของกาแฟ ... ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก rd.com

          กาแฟ...เครื่องดื่มสุดคลาสสิกของคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนทำงานทั้งหลาย ซึ่งเชื่อว่าหลายคนถ้าตื่นเช้าแล้วยังไม่ได้ดื่มกาแฟคงรู้สึกเหมือนยังไม่ตื่นเต็มตา เพราะนอกจากกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟ บวกกับคาเฟอีนคงจะช่วยให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าในยามเช้าอย่างแน่นอน เอาล่ะค่ะ ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับกาแฟที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน มาฝากเพื่อน ๆ กันด้วย ลองไปดูกันเลยค่า...




           1. คาปูชิโน เป็นชื่อที่ได้มาจากสีเสื้อของนักบวชนิกายหนึ่งของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ที่เรียกว่า คาปูชิน (Capuchin) ซึ่งมีสีน้ำตาลแก่นั่นเอง




           2. เอสเปรสโซ มาจากคำภาษาอิตาลี แปลว่า บีบ, กด เนื่องจากวิธีการชงกาแฟเอสเปรสโซมีเอกลักษณ์เฉพาะโดยต้องผ่านกรรมวิธีอันละเอียดและซับซ้อน จากกาแฟที่ได้รับการผสมผสานรสชาติขึ้นมาโดยเฉพาะเป็นพิเศษ คั่วอย่างเข้ม บดอย่างละเอียด กดอย่างแน่น และชงอย่างเร็วโดยใช้แรงอัดสำหรับแต่ละถ้วย ทำให้เอสเปรสโซมีรสชาติกาแฟซึ่งเข้มข้นและหนักแน่นต่างจากกาแฟทั่ว ๆ ไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด




           3. ประเทศโคลัมเบียและบราซิลส่งออกกาแฟมากที่สุดในโลก ถึง 17 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของผลผลิตกาแฟทั้งโลก




           4. กาแฟขี้ชะมด หรือ Kopi Luwak (โกปี ลูวะ) เป็นกาแฟที่มีราคาแพงที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย โดยกาแฟขี้ชะมดนำมาจากมูลของชะมดพันธุ์ Paradoxurus hermaphroditus ที่กินผลกาแฟเข้าไป เมื่อถ่ายออกมาแล้วก็เก็บมาล้างทำความสะอาดให้หมดจดก่อนนำไปตากแห้งแล้วคั่ว โดยเจ้าชะมดเลือกจะกินเฉพาะผลกาแฟที่สุกดีแล้วเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่ามันจะช่วยคัดสรรเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพด้วยเลยในขั้นตอนเดียว เมื่อชะมดกินเข้าไปแล้ว ผลกาแฟจะย่อยอยู่ในกระเพาะของมันราวหนึ่งวันครึ่ง ก่อนที่จะถ่ายออกมาเป็นเมล็ดกาแฟ




           5. ผลกาแฟ เป็นผลผลิตจากพืชไม้พุ่มถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบแอฟริกา ขนาดปานกลางสูง ประมาณ 3-4 เมตร ใบสีเขียวแตกออกจากข้อเป็นคู่ ๆ ดอกออกตามข้อของกิ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ กลิ่นหอม โดยสายพันธุ์ของกาแฟที่มีการปลูกและเป็นที่นิยมทั่วไปมากที่สุด ได้แก่ อาราบิก้าและโรบัสตา




           6. Ibrik อุปกรณ์ดั้งเดิมของชาวตุรกีที่ใช้ชงกาแฟ ซึ่งทำจากทองแดงหรือทองเหลือง รูปทรงตรงจากด้านบนและป่องก้น มีด้ามจับยาว Ibrik ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งอุปกรณ์ชงกาแฟก็ว่าได้ และยังคงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในแถบตะวันออกกลาง ขั้นตอนการใช้ Ibrik คือ การต้มน้ำจนร้อนแล้วจึงใส่เมล็ดกาแฟที่บดแล้วลงต้มให้เดือดอีกครั้ง นอกจากจะได้กาแฟที่เข้มข้นมากที่ชาวตุรกีนิยมดื่มคู่กับขนมรสหวานจัด และการต้มกาแฟด้วย Ibrik นี้ยังเสิร์ฟทั้ง ๆ ที่มีผงกาแฟลอยฟ่องอยู่ ด้วยเหตุผลนี้เองจึงมีการทำนายดวงชะตาด้วยกากกาแฟก้นแก้วเกิดขึ้น



           7. กาแฟอาราบิก้ามักจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามชื่อท่าเรือที่ใช้ส่งออก ท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุด 2 ที่ได้แก่ ม็อคค่า (Mocha) และ ชวา (Java)




           8. การดื่มกาแฟถูกห้ามโดยชาวมุสลิมตามฮะรอม ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 เนื่องจากกาแฟเป็นที่นิยมในหมู่ชนมุสลิมและชนกลุ่มอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง จนทำให้ร้านกาแฟก็ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดและกลายเป็นที่ชุมชุมนุมสังสรรค์ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องการเมือง ร้านกาแฟกลายเป็นที่บ่มเพาะความคิดรุนแรง จึงถูกสั่งห้ามโดยระบุว่าเป็นต้นเหตุของการประพฤติตนนอกคอก ชักนำให้คนไปมั่วสุม และนำมาซึ่งความไม่สงบในสังคม

10 เครื่องดื่มที่ควรระวัง สำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก

10 เครื่องดื่มที่ควรระวัง สำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก
 



1. น้ำผลไม้เพราะน้ำผลไม้ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยน้ำตาล เว้นเสียแต่จะเป็นน้ำผลไม้ที่แปะฉลากไว้ว่า เป็นน้ำผลไม้ 100%

2. กาแฟเย็นโปะวิปครีม
กาแฟเย็นรสหวานมัน โปะวิปครีมรสชาติละมุนลงไป ช่างเอร็ดอร่อยอะไรเสียอย่างนี้ แต่รู้ไหมว่า กาแฟโปะวิปครีมแก้วหนึ่งสามารถให้พลังงานได้มากถึง 800 แคลอรี่ แถมน้ำตาลอีกตั้ง 170 กรัม หากเป็นไปได้ลองหันมาสั่งกาแฟใส่นมไขมันต่ำ ลดไซรัปลงครึ่งหนึ่ง และไม่โปะวิปครีม น่าจะดีกว่า

3. น้ำดื่มปรุงกลิ่นและรส
น้ำดื่มปรุงกลิ่นและรสมักมีการผสมวิตามิน หรือสารบางอย่างเพิ่มเข้ามา เช่น เพิ่มวิตามินซี เพิ่มแอลคานิทีน เป็นต้น ทำให้รู้สึกว่าเป็นน้ำดื่มที่ดีต่อสุขภาพ แต่ความจริงแล้วพวกมันส่วนใหญ่ก็ผสมน้ำตาลเทียมมาด้วยไม่น้อย

4. โซดา
การบริโภคโซดาเกินพอดีมีความเกี่ยวข้องบางประการกับความอ้วน แต่ถ้านาน ๆ ครั้งจะกินสักครั้งก็ถือว่าโอเค

5. มิกเซอร์
บรรดามิกเซอร์สารพัดชนิดที่บาร์เหล้าล้วนมีน้ำตาลผสมอยู่ รวมทั้งมีการแต่งกลิ่นและใส่สีสังเคราะห์ด้วย

6. สมูทตี้ผลไม้พร้อมดื่ม
สมูทตี้ผลไม้พร้อมดื่ม ฟังชื่อแล้วดูช่างดีต่อสุขภาพ แต่รู้ไหมว่าบรรดาสมูทตี้พร้อมดื่มทั้งหลายใส่น้ำตาลผสมมาเป็นว่าเล่น หากต้องการสมูทตี้ที่ดีต่อสุขภาพจริง ๆ สักแก้ว ปั่นกินเองที่บ้านจะดีที่สุด เพราะคุณสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาล หรือจะอาศัยความหวานจากผลไม้ล้วน ๆ เลยก็ได้ ทั้งยังปราศจากสารกันบูดด้วย

7. เหล้า
เหล้าแค่ 2 แก้ว ก็เพิ่มความเสี่ยงให้คุณเข้าข่ายน้ำหนักตัวเกินได้แล้ว แถมยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นจะดื่มสังสรรค์แต่ละทีก็ควบคุมปริมาณกันด้วยนะจ๊ะ

8. น้ำมะนาวพร้อมดื่ม
น้ำมะนาวพร้อมดื่มนั้นมีทั้งสารแต่งสีและสารกันบูด แถมยังเสี่ยงกับปริมาณน้ำตาลที่มากเกินพอดี ทางที่ดีคั้นน้ำมะนาวดื่มเองจะปลอดภัยที่สุด

9. น้ำดื่มเสริมเกลือแร่
รู้ไหมว่าน้ำดื่มเสริมเกลือแร่สำหรับนักกีฬาและผู้เสียเหงื่อนั้น มีน้ำตาลและสารกันบูดผสมอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ

10. เครื่องดื่มเสริมพลังงาน
เครื่องดื่มเสริมพลังงานที่กินแล้วสดชื่นทันใจ ก็มีน้ำตาลผสมอยู่ไม่น้อย แถมยังมีคาเฟอีนอีกด้วย (เป็นเหตุผลว่าทำไมที่ฉลากจึงมีคำเตือนว่า ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด นั่นเอง)


ขอบคุรข้อมูลจาก www.teenee.com

ผู้ชาย 7 ประเภท ที่ผู้หญิงรู้สึกเพลียเมื่ออยู่ใกล้


ผู้ชาย 7 ประเภท ที่ผู้หญิงรู้สึกเพลียเมื่ออยู่ใกล้

ผู้ชาย 7 ประเภท ที่ผู้หญิงรู้สึกเพลียเมื่ออยู่ใกล้

ผู้ชาย 7 ประเภท ที่ผู้หญิงรู้สึกเพลียเมื่ออยู่ใกล้

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม www.kapook.com

          ถึงแม้ผู้หญิงส่วนใหญ่สมัยนี้มักจะมองหาความตื่นเต้นและความแปลกใหม่ จากความแตกต่างของผู้ชายแต่ละคน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเธอยินดีเปิดใจให้กับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตหรอกนะครับ เพราะมีผู้ชายบางประเภทที่ผู้หญิงไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ด้วยเหมือนกัน ส่วนจะมีผู้ชายแบบไหนบ้าง แล้วตัวคุณเข้าข่ายแบบที่เรากำลังจะพูดถึงหรือเปล่านั้น ถ้างั้นไปดูเลยดีกว่า 

1. ใช้เงินฟุ่มเฟือย
          ต่อให้คุณรวยล้นฟ้ามาจากไหน แต่ถ้าไม่รู้จักใช้เงินก็อาจจะโดนสาวปฏิเสธได้ง่าย ๆ เพราะพวกเธอก็ห่วงอนาคตของตัวเองเช่นกัน คงไม่มีใครคนไหนคิดจะวางอนาคตไว้กับผู้ชายที่ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักเก็บออมหรอก หากคุณอยากมัดใจเธอให้อยู่หมัดแล้วล่ะก็ ควรรู้จักวางแผนบริหารเงินไว้บ้างก็ดีนะ

2. ทำตัวเป็นเด็กตลอดเวลา

          การที่คุณทำตัวออดอ้อนเป็นเด็ก ๆ ขี้เล่นบางเวลาก็ดูน่ารักดี แต่ถ้าทำตัวเป็นเด็กตลอดเวลาสาว ๆ ก็บอกว่ารับไม่ได้เหมือนกัน เพราะผู้หญิงก็อยากให้คุณเป็นฝ่ายดูแลเธอเช่นกัน โดยการทำตัวเป็นผู้นำ เป็นที่พึ่งพาได้ คอยให้กำลังใจเธอ รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้เธอได้ ซึ่งถ้าคุณเอาแต่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ แล้วเธอจะมีแฟนไปทำไมกันล่ะ

3. พวกหลงตัวเอง 

          ผู้ชายหลาย ๆ คนที่ชอบอวดอ้างสารพัดว่าตัวเองมีดีอย่างนั้นอย่างนี้ในสิ่งที่คนอื่นไม่มีเพื่อทำให้สาว ๆ สนใจ อยากจะบอกว่าพฤติกรรมแบบนี้ร้อยทั้งร้อยพวกเธอก็ต้องร้องยี้ชัวร์ ๆ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่า คุณกำลังข่มเธอ มากกว่าจะเข้าไปจีบเธอ ฉะนั้นไม่ต้องสาธยายสรรพคุณของตัวเองให้มาก แล้วแสดงออกให้เธอเห็นความดีที่มีในตัวของคุณด้วยการกระทำจะดีกว่า

ผู้ชาย 7 ประเภท ที่ผู้หญิงรู้สึกเพลียเมื่ออยู่ใกล้

4. ชอบส่งสายตาให้สาวอื่นตลอดเวลา

          ในบางครั้งคุณผู้ชายยังอยู่ในช่วงทำแต้มกับสาวที่หมายปองอยู่แท้ ๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็พลันสอดส่ายสายตามองหญิงอื่นไปด้วยน่ะสิ แล้วอย่างนี้ต่อไปเธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณจะมองแค่เธอคนเดียวหากตกลงปลงใจคบเป็นแฟนแล้ว ถ้าคุณอยากจะชนะใจเธอจริง ๆ ล่ะก็ แสดงความจริงใจให้เธอเห็นหน่อย คอยสบตาและฟังอย่างตั้งใจเวลาที่เธอพูด ที่สำคัญเมื่อคุณตัดสินใจศึกษาเธออย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้ว ก็เลิกมองคนอื่นเถอะ เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเป็นเพียงแค่ตัวเลือกคนนึงของผู้ชายหรอก เชื่อสิ

5. คนที่ชอบทำอะไรเดิม ๆ

          ผู้หญิงก็ชอบความแปลกใหม่ ความตื่นเต้นไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณรู้ตัวเป็นพวกชอบทำอะไรซ้ำซากจำเจก็เปลี่ยนซะนะครับ เช่น พาเธอไปทานข้าวร้านเดิม ๆ ขับรถพาไปเที่ยวแต่สถานที่เดิม ๆ เป็นต้น แบบนี้เป็นใครก็ต้องเบื่อกันบ้างล่ะหน่า ถึงจะชอบก็เถอะ แต่บ่อยครั้งเกินไปก็ย่อมมีวันเบื่อเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรทำอะไรใหม่ ๆ หรือสร้างเซอร์ไพรส์ให้เธอบ้าง ซึ่งจุดนี้แหละที่จะเป็นตัวสร้างเสน่ห์ให้กับคุณ รวมทั้งสร้างสีสันความรักของคุณและเธอให้มีความน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย

6. คนโกหก 

          ผู้ชายอันดับต้น ๆ ที่ผู้หญิงไม่อยากจะให้เข้ามาในชีวิตของเธอเลย ก็คือ ผู้ชายขี้จุ๊ เพราะเธอไม่มีวันรู้ได้เลยว่ามีเรื่องไหนที่คุณพูดจริงบ้าง คบไปก็มีแต่ความหวาดระแวง กังวลว่าคุณกำลังโกหกเธออยู่หรือเปล่า จนบางครั้งคุณนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายอึดอัด เพราะไม่ได้โกหกเธอจริง ๆ ดังนั้น ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ขอให้บอกไปตามตรง จะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม เพราะ "ความซื่อสัตย์" คือ สิ่งสำคัญที่จะประคับประคองความสัมพันธ์เอาไว้ได้ ถ้าผู้หญิงจะคบกับใครสักคน เธอย่อมอยากเลือกคนที่สามารถไว้วางใจได้ และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหนแน่นอน

7. ผู้ชายที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง

          ถึงแม้คุณจะเป็นคนดีที่น่ายกย่องคนหนึ่ง แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองก็อาจจะทำให้เธอหลุดมือไปได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกัน เพราะผู้หญิงต้องการคนที่จะสามารถดูแลปกป้องเธอได้ กล้าทำ กล้าตัดสินใจ ไม่ใช่มีอะไรก็เอาแต่คอยถามความเห็นจากเธอหรือคนอื่นเสมอ และการขาดความมั่นใจนี่แหละ อาจทำให้เธอรู้สึกว่ามีน้องชายมากกว่ามีแฟนได้นะครับ

          จะจีบหญิงทั้งทีไม่ใช่เรื่องยาก หากจะจีบให้ติดก็ต้องสำรวจตัวเองสักหน่อยแล้วล่ะ ว่ามีนิสัยหรือพฤติกรรมอย่างที่เราบอกไปหรือเปล่า? ถ้าคุณมีพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ล่ะก็รีบ ๆ ปรับปรุงตัวเองกันนะครับ ก่อนที่ผู้ชายคนอื่นจะคว้าสาวที่คุณหมายปองตัดหน้าไปซะก่อน แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน...

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

นิทานเรื่อง ราชสีห์สองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้










จัดทำโดย
นางสาวสุวดี บุญชู
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยราชภัฎมกาสารคาม